วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คุณค่าจากเรื่องไตรภูมิพระร่วง

คุณค่าจากเรื่องไตรภูมิพระร่วง

  ประสาร  บุญเฉลียว (ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต ) นายกสมาคมครูมาสเตอร์ภาษาไทย  


ไตรภูมิพระร่วง เดิมเรียกว่า เตภูมิกถา หรือ ไตรภูมิกถา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเปลี่ยนชื่อหนังสือเล่มนี้เป็น ไตรภูมิพระร่วง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัยให้คู่กับหนังสือสุภาษิตพระร่วง หนังสือไตรภูมิพระร่วง เป็นวรรณคดีทางศาสนาที่สำคัญเล่มหนึ่ง ในสมัยสุโขทัย ซึ่งมีอิทธิพลต่อคนไทยมาก  พญาลิไท ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นหลังจากที่ทรงผนวชแล้ว
คุณค่าของเรื่องไตรภูมิพระร่วง

       1.  ด้านภาษาและสำนวนโวหาร  

เป็นวรรณคดีเล่มแรกที่เรียบเรียงในลักษณะการค้นคว้าจากคัมภีร์ต่าง ๆ ถึง 30 คัมภีร์   จึงมี
ศัพท์ทางศาสนาและภาษาไทยโบราณอยู่มาก  สามารถนำมาศึกษาการใช้ภาษาในสมัยกรุงสุโขทัย  ตลอดจนสำนวนโวหารต่าง ๆ ไตรภูมิพระร่วงมีสำนวนหนักไปในทางศาสนาโวหารและพรรณนาโวหาร  ผูกประโยคยาว และใช้ถ้อยคำพรรณนาดีเด่น สละสลวยไพเราะ  ก่อให้เกิดความรู้สึกด้านอารมณ์สะเทือนใจและให้จินตภาพหรือภาพในใจอย่างเด่นชัด  เช่น  " บ้างเต้นบ้างรำบ้างฟ้อน ระบำบันลือเพลงดุริยดนตรี  บ้างดีดบ้างสีบ้างตีบ้างเป่า  บ้างขับศัพท์สำเนียง" 

   2.  ด้านความรู้ 

        2.1  ด้านวรรณคดี ทำให้คนชั้นหลังได้รับความรู้ทางวรรณคดี อันเป็นความคิดของคนโบราณ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของวรรณคดีไทย เช่น พระอินทร์ แท่นบัณฑุกัมพล ช้างเอราวัณ เขาพระสุเมรุ ป่าหิมพานต์   
ต้นปาริชาติ    ต้นนารีผล    นรก    สวรรค์ เป็นต้น
        2.2  ด้านภูมิศาสตร์  เป็นความรู้ทางภูมิศาสตร์ของคนโบราณ โดยเชื่อว่าโลกมีอยู่ ๔ ทวีป  ได้แก่ 
ชมพูทวีป  บุรพวิเทหทวีป อุตตรกุรุทวีป และอมรโคยานทวีป  โดยมีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง

        3.  ด้านสังคมและวัฒนธรรม

       3.1  คำสอนทางศาสนา  ไตรภูมิพระร่วงสอนให้คนทำบุญละบาป  เช่น  การทำบุญรักษาศีลเจริญสมาธิภาวนาจะได้ขึ้นสวรรค์การทำบาปจะตกนรก  เช่น "คนผู้ใดกล่าวคำร้ายแก่สมณพราหมณ์ผู้มีศิลและพ่อแม่และผู้เฒ่าผู้แก่ครูปาทยาย  คนผู้นั้นตาย  ไปเกิดในนรกอันได้ขื่อว่า  สุนักขนรกนั้นแล  แลมิให้เขาอยู่สบายแลให้เขาเจ็บปวดสาหัส  ได้เวทนาพ้นประมาณ  ทนอยู่ในนรกอันชื่อสุนักขนรกนั้นแล"
 แนวความคิดนี้มีอิทธิพลเหนือจิตใจของคนไทยมาช้านาน เป็นเสมือนแนวการสอนศีลธรรมของสังคม ให้คนปฏิบัติชอบซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม
       3.2  ค่านิยมเชิงสังคม  อิทธิพลของหนังสือเล่มนี้ให้ค่านิยมเชิงสังคมต่อคนไทย  ให้ตั้งมั่นและยึดมั่นในการเป็นคนใจบุญ มีเมตตากรุณา รักษาศีล บำเพ็ญทาน รู้จักเสียสละ เชื่อมั่นในผล  แห่งกรรม   มุ่งใช้คุณธรรมความดีเป็นพื้นฐานการสร้างสรรค์ความสุขในสังคม
       3.3  ศิลปกรรม  จิตรกรนิยมนำเรื่องราวและความคิดในไตรภูมิพระร่วงไปเขียนภาพสีไว้ในโบสถ์วิหาร  โดยจะเขียนภาพนรกไว้ที่ผนังด้านล่างหรือหลังองค์พระประธาน  และเขียนภาพสวรรค์ไว้ที่ผนังเบื้องบนรอบโบสถ์วิหาร

    4.  ด้านอิทธิพลต่อวรรณคดีอื่น

                    มีหนังสืออ้างอิงทำนองไตรภูมิพระร่วง ที่มีผู้แต่งเลียนแบบอีกหลายเล่ม เช่น จักรวาลทีปนี ของ พระสิริมังคลาจารย์แห่งเชียงใหม่ไตรภูมิโลกวินิจฉัย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเล่าเรื่องไตรภูมิ  เป็นต้น  ไตรภูมิพระร่วงมีอิทธิพลสำคัญต่อแนวคิดของกวีรุ่นหลัง  โดยนำความคิดในไตรภูมิพระร่วงสอดแทรกในวรรณคดีต่างๆ เช่น  ลิลิตโองการแช่งน้ำ  มหาเวสสันดรชาดก  รามเกียรติ์  กากีคำกลอนขุนช้างขุนแผน  ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ลิลิตโองการแช่งน้ำ   กล่าวถึงไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก
กล่าวถึงตะวันเจ็ดอันพลุ่ง                   น้ำแล้งไข้ขอดหาย "

รามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2  กล่าวถึงปลาอานนท์

" เขาสุเมรุเอนเอียงอ่อนละมุน    อานนท์หนุนดินดานสะท้านสะเทือน "
กากีคำกลอน  กล่าวถึงแม่น้ำสีทันดร
อันน้ำนั้นสุขุมละเอียดอ่อน      จึงชื่อสีทันดรอันใสสาร"
ขุนช้างขุนแผน  กล่าวถึงป่าหิมพานต์
" ม่านนี้ฝีมือวันทองทำ             จำได้ไม่ผิดนัยน์ตาพี่

  เส้นไหมแม้นเขียนแนบเนียนดี            สิ้นฝีมือแล้วแต่นางเดียว
………………………………………………………………………………………

ปักเป็นหิมพานต์ตระหง่านงาม      อร่ามรูปพระสุเมรุภูผา




                    หลังจากอ่านเรื่องไตรภูมิพระร่วงแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกว่า   แม้เนื้อหาของเรื่องนี้ซึ่งได้ประพันธ์ขึ้นโดยอิงจากภูมิรู้ทางธรรม  อาจดูห่างไกลจากการพิสูจน์ หรือจับต้องได้จริงทางวิทยาศาสตร์ในโลกปัจจุบัน  แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไตรภูมิพระร่วงได้ฝากข้อคิดไว้แก่ผู้อ่าน  นั่นคือ  การสะท้อนให้เห็นถึงภาวะอันตรงข้ามกันของ ความดี  และความชั่ว  ซึ่งจากเนื้อหา ผู้ประพันธ์ได้ใช้สัญลักษณ์แทนความดีด้วยการพรรณนาให้ผู้อ่านรู้จักกับสวรรค์  อันมีลักษณะน่ารื่นรมย์  ซึ่งต่างกันโดยสิ้นเชิงกับนรกซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความชั่ว อันประกอบไปด้วยความทุกข์ทรมานนานาประการ  ลักษณะตรงกันข้ามนี้ยังคงเป็นความจริงไม่ผันแปรว่า แม้โลกจะได้รับการสร้างสรรค์ให้เจริญไปมากเท่าใด  หากแต่ใจคนยังคงมีทั้งด้านดี  และด้านไม่ดีอยู่เสมอ เมื่อปฏิบัติดี ย่อมได้รับสิ่งที่ดีเป็นผลสะท้อนกลับ  และในขณะเดียวกัน  หากปฏิบัติไม่ดี  ผลไม่ดีย่อมติดตามมาเป็นของคู่กันเหมือนเงาตามตัว  ซึ่งตรงนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงการมุ่งกระทำดี และควบคุม หรือลดการกระทำชั่วในชีวิตประจำวันได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น